บทที่ 7
“อาหาร? ฉันเนี่ยนะ?” อัลเบอร์ตาค่อยๆ คลี่การ์ดที่ยับยู่ยี่ออกอย่างบรรจง ประหนึ่งว่าเป็นบัตรเชิญไปงานเต้นรำล้ำค่า ถึงกับหมุนตัวอย่างร่าเริงอยู่กับที่
ไม่สำคัญว่าลอว์เรนซ์จะมาเพื่อเก็บเกี่ยวอาหารหรือไม่ ตราบใดที่เขามาเพื่อเธอ นั่นก็เพียงพอแล้ว
เธอยืนอยู่นอกประตู ถือการ์ดไว้ในมือและรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เธอจินตนาการว่าตัวเองกำลังยิ้มอย่างเย้ายวนขณะที่มือของลอว์เรนซ์โอบรอบลำคอ มอบกายให้แก่เขา
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากปลายสุดของโถงทางเดิน และร่างสูงใหญ่ทะมึนร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ความคาดหวังและความเขินอายหายวับไปจากใบหน้าของอัลเบอร์ตา นั่นไม่ใช่ลอว์เรนซ์
“บ้าเอ๊ย” เธอสบถ ขยำการ์ดอีกครั้งแล้วขว้างออกไปอย่างแรงพร้อมกับกริชเล่มเล็กยาวครึ่งฝ่ามือ
ก้อนกระดาษที่ห่อตะปูไว้กระทบเข้าที่หัวของมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้สึกตัว อัลเบอร์ตาคาดการณ์ไว้ว่าเจ้าผีนั่นจะหลบก่อนที่เธอจะขว้างกริชออกไป แต่มันกลับไม่หลบ ทำให้กริชเพียงแค่เฉี่ยวเสื้อคลุมสีดำของมันไปเท่านั้น
แล้วเจ้าผีก็หยุดนิ่ง ค่อยๆ ก้มลงมองรอยขาดบนเสื้อ สองวินาทีต่อมา มันก็ตวัดสายตากลับมาจับจ้องที่อัลเบอร์ตา
“ไอ้ทึ่มเอ๊ย” อัลเบอร์ตาพึมพำ คว้าภาพวาดประดับผนังแล้วขว้างใส่เจ้าผี
ภาพวาดนั้นหนักเอาการ แต่เจ้าผีก็ยังคงไม่หลบ ดูเหมือนมันจะขาดสัญชาตญาณในการหลบหลีกการโจมตี ภาพวาดกระแทกเข้าที่หัวของมันดังตุ้บ ตามด้วยกริชอีกสองเล่มที่กรีดผ่านเสื้อคลุมของมันจากทั้งสองด้าน
ฉวยจังหวะที่เจ้าผีนั่นมึนงงไปชั่วขณะ อัลเบอร์ตาออกตัววิ่ง กระโดดแล้วใช้เท้าถีบผนังด้วยความคล่องแคล่วว่องไวอย่างน่าทึ่ง กระโดดข้ามหัวของมันไปอย่างง่ายดาย ขณะที่ม้วนตัวลงสู่พื้น เธอก็อาศัยแรงส่งตวัดมีดทหารในมือฟันลงไปตามแนวสันหลังและท้ายทอยของมัน
เสื้อคลุมขาดสะบั้น เผยให้เห็นร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอันน่าเกลียดน่ากลัวอยู่ข้างใต้
อัลเบอร์ตาถอยกรูดด้วยความขยะแขยงเมื่อเห็นมัดกล้ามที่บิดเบี้ยวผิดรูป เธอถอยห่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับสบถออกมา
เธอตระหนักได้ว่านี่น่าจะเป็นผลงานทดลองอาวุธมนุษย์ที่ล้มเหลวจากเกาะสวรรค์ เป็นสิ่งมีชีวิตไร้สมองที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
เธอไม่สนใจว่าเสื้อคลุมนั่นทำจากอะไร หรือเปลวไฟบนนั้นส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตนี้อย่างไร ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์
เธอพบว่าสิ่งมีชีวิตไร้สมอง ไม่รู้สึกเจ็บปวด และไม่รู้จักความกลัวพวกนี้น่ารำคาญสิ้นดี
ก่อนที่เธอจะจากเกาะสวรรค์มา เจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ยังเป็นแค่ตัวอ่อนอยู่เลย
ขณะที่กำลังเผลอไผล ลวดเงินบางเฉียบเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เธอ อัลเบอร์ตาหลบตามสัญชาตญาณ แต่แขนของเธอก็ยังได้รับบาดเจ็บ
เธอไม่สนใจบาดแผลที่เลือดไหลซิบ แต่เพ่งสมาธิไปที่อุปกรณ์บนข้อมือของเจ้าสัตว์ประหลาด ซึ่งเป็นที่มาของลวดแหลมคมเส้นนั้น
เมื่อไม่มีเสื้อคลุมป้องกัน การเคลื่อนไหวของเจ้าสัตว์ประหลาดก็เริ่มเชื่องช้าลงเรื่อยๆ ผิวหนังของมันปูดโปนราวกับมีบางสิ่งพยายามจะทะลุออกมาจากกล้ามเนื้อ
อัลเบอร์ตารับมือกับมันอย่างระมัดระวัง รอจังหวะเหมาะที่จะสับข้อมือของมันให้ขาด!
โชคร้ายที่อาวุธฝังอยู่ในเนื้อของมันและไม่มีเวลาพอที่จะงัดมันออกมา เธอจึงคว้ามือที่ขาดนั้นแล้วใช้มันยิงลวดเงินกลับไปยังเจ้าสัตว์ประหลาด
ศีรษะของมันร่วงหล่นลงสู่พื้น เจ้าสัตว์ประหลาดยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้มลงดังตึง
ในขณะเดียวกัน เสียงหวานใสของผู้หญิงก็ประกาศผ่านอินเตอร์คอม “ผู้เล่นอัลเบอร์ตาได้สังหารผีตัวแรกแล้ว ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นอัลเบอร์ตาที่ได้รับความสำเร็จ ‘เฟิร์สคิล’!”
“โอ้พระเจ้า” เสียงสูดลมหายใจด้วยความตกใจดังมาจากมุมหนึ่ง
อัลเบอร์ตาเหลือบมองกลับไป เห็นประตูห้องพักหลายบานเปิดอยู่และมีคนกำลังยืนมอง เธอไม่รู้เลยว่าพวกเขามาอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว
หนึ่งในนั้นเป็นชายอ้วนท่าทางรู้สึกผิด เขารีบปิดประตูเมื่ออัลเบอร์ตาจ้องเขม็งไปที่เขา
ชายคนหนึ่งที่ถือถังดับเพลิงเสนอตัวอย่างเก้ๆ กังๆ “คุณสุดยอดไปเลยครับ ผมกำลังจะเข้าไปช่วยอยู่พอดี”
“คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือ” อัลเบอร์ตาพูดพลางควงมีดในมือแล้วตะโกนให้ทุกคนได้ยิน “ฉันเป็นผู้หญิงมีลูกก็จริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ”
อัลเบอร์ตาไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขา เธอเก็บอาวุธลวดเงินทั้งหมดจากร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนั้น เก็บมีดสั้นที่ขว้างไปกลับคืนมา แล้วเดินกลับห้องของเธออย่างเย็นชา
ทันทีที่ประตูปิดลง เธอก็นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด “เจ็บชะมัด!”
เธอมีแผลใหม่สองสามแห่ง แม้จะไม่ร้ายแรง แต่เพราะอัลเบอร์ตาเป็นคนไวต่อความเจ็บปวดจึงทนไม่ไหว
แต่สิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดยิ่งกว่าคือการที่ไม่เห็นลอว์เรนซ์
เธอเปิดซอฟต์แวร์ติดตามตัวขึ้นมา ไอคอนของลอว์เรนซ์ยังคงอยู่ใกล้ๆ เกือบทับซ้อนกับตำแหน่งของเธอ บางทีอาจจะอยู่ชั้นบนหรือชั้นล่างของเธอพอดี
“ชั้นบน? หรือชั้นล่าง?” อัลเบอร์ตาเดินออกไปอีกครั้ง
โถงทางเดินยังคงเต็มไปด้วยผู้เล่นที่กำลังตรวจสอบร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนั้น พวกเขาพยายามจะคุยกับเธอ แต่อัลเบอร์ตารีบวิ่งไปที่บันไดอย่างรวดเร็ว
เธอลงไปที่ชั้นหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ลอว์เรนซ์ไม่ได้อยู่ที่นั่น
อัลเบอร์ตากระทืบเท้าอย่างหงุดหงิดแล้วรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสาม ขณะเดียวกัน ไอคอนของลอว์เรนซ์ก็เริ่มเคลื่อนที่ห่างออกไปเรื่อยๆ
เมื่อเธอไปถึงชั้นสาม ก็เห็นคนเจ็บหลายคนนอนครวญครางอยู่บนโถงทางเดิน มีผีสองตนถูกกำจัดไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็กำลังล่าถอย อัลเบอร์ตาเห็นเพียงแผ่นหลังของลอว์เรนซ์ไวๆ ขณะที่เขากำลังจากไป
เธอไม่ได้ตะโกนเรียกเขา โถงทางเดินที่ทอดยาวและกลุ่มผู้เล่นสองกลุ่มที่กำลังต่อสู้กันอยู่ตรงกลางทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามให้ทัน
อัลเบอร์ตาหลบลูกหลงได้อย่างหวุดหวิดแล้วกลับไปที่ชั้นสองอย่างหัวเสีย
พวกผู้เล่นที่กำลังตรวจสอบร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนั้นยังคงอยู่ที่เดิม ชายคนที่ถือถังดับเพลิงยื่นมือมาให้อัลเบอร์ตา “สวัสดีครับ ผมโทนี่ จอร์แดน ยินดีที่ได้รู้จัก...นะครับ?”
อัลเบอร์ตาซึ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีไม่สนใจเขาและเดินตรงกลับไปที่ห้องของเธอ
ก่อนจะปิดประตู เธอได้ยินเสียงใครบางคนพึมพำ “ทำท่าอะไรของเขาน่ะ หยิ่งชะมัด”
“ถ้าเก่งได้อย่างเขาก็ทำไปเถอะ”
อัลเบอร์ตาไม่สนใจคำพูดของพวกเขา ไอคอนของลอว์เรนซ์หายไปจากระยะการติดตามของเธออีกครั้งแล้ว
เธอรีบทำแผลในห้องของตัวเอง จากนั้นก็ปีนกลับขึ้นไปบนเตียงจนกระทั่งถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู
อัลเบอร์ตาเปิดเปลือกตาขึ้น ร็อดเดอริกซึ่งกำลังนั่งเล่นเงียบๆ อยู่คนเดียวเดินเข้ามาหา “มีคนมาครับ”
อัลเบอร์ตาขานรับอย่างงัวเงียแล้วเดินไปที่ประตู
“เฮ้ รับอาหารเช้าหน่อยไหมครับ” เซนยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับขนมปังและนมกล่อง เขายิ้มอย่างอบอุ่น
อัลเบอร์ตาเดินออกมาแล้วรีบปิดประตูตามหลังเพื่อบังไม่ให้เซนมองเข้าไปข้างใน “มีธุระอะไร”
เซนละสายตาไปอย่างน่าเสียดาย “ผมได้ยินว่าคุณฆ่าผีได้ด้วยตัวคนเดียวเลยเหรอครับ! ทำได้ยังไงเนี่ย คุณแข็งแกร่งสุดๆ ไปเลย!”
เขารู้แล้วว่าอัลเบอร์ตาไม่ใช่คนที่เขาจะควบคุมได้ แต่เขาก็ยังไม่อยากล้มเลิกความคิดที่จะร่วมมือกับเธอ
“ทานอาหารเช้ากันก่อนเถอะครับ ร้านอาหารทุกร้านปิดหมดแล้ว ห้องครัวที่พอจะใช้ได้ก็มีคนจับจอง ส่วนห้องเก็บเสบียงก็ถูกปล้นไปเกือบหมด” เซนรายงานสถานการณ์ให้อัลเบอร์ตาฟัง “เกมอาจจะกำลังพยายามเปลี่ยนผู้เล่นทั้งหมดให้กลายเป็นผี วันนี้คุณมีแผนจะทำอะไรบ้างครับ เราไปหาอาหารด้วยกันดีไหม”
เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นกำลังมองมาที่พวกเขา อัลเบอร์ตาจึงรับขนมปังกับนมมา “รออยู่นี่”
“โอเค...” เซนกำลังจะพูดต่อ แต่อัลเบอร์ตาก็ปิดประตูใส่หน้าเขาไปเสียแล้ว






















































































































































































































